เพราะถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการทำกิจการในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งในรูปแบบการทำงานของธุรกิจแฟรนไชส์นั้น จะมีระบบการผลิต ระบบการขาย และระบบการบริหารการตลาด เพื่อที่จะให้รูปแบบวิธีดำเนินธุรกิจในทุกๆ สาขาให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันตามต้นแบบของบริษัท แต่ถ้าวันนี้คุณยังไม่รู้ว่าจะลงทุนซื้อแฟรนไชส์อะไรดี แล้วเราจำเป็นต้องดูองค์ประกอบอะไรบ้าง วันนี้ผมได้รวบรวมหัวข้อสำคัญมาฝากกันครับ
อย่างแรกเลยต้องเลือกสินค้า ก่อนซื้อแฟรนไชส์
ถ้าพูดถึงธุรกิจแฟรนไชส์ต้องบอกว่าเป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงมาก ไม่ว่าอาชีพอะไรก็สามารถเป็นแฟรนไชส์ได้ แม้กระทั่งแฟรนไชส์กวดวิชาก็ยังมีเลย แต่ก็ดีไปอย่างที่ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น แล้วเราจะเริ่มต้นอย่างไร
- สิ่งแรกแลย เลือกจากที่เราชอบหรือถนัด อย่างเช่น ถ้าชอบกินชาจากร้านชาไข่มุก ไม่ว่าจะชาเขียว ชานม ชามะลิ หรืออะไรที่มีในร้านกินมาแทบทุกรส ท๊อปปิ้งก็เคยลองมาแล้วทุกอย่าง กินทุกร้านทุกยี่ห้อจนรู้จักดี เราก็อาจเริ่มต้นธุรกิจจากจุดนี้ก็ได้ เพราะถ้าเราเลือกทำจากสิ่งที่ชอบ วันนึงต้องเจอปัญหาเราจะฮึดสู้และมีกำลังใจในการแก้ปัญหาได้ดี
- ความต้องการของตลาด นอกจากนี้ก็ต้องดูความต้องการของตลาดด้วยว่ามีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางไหน ธุรกิจไหนที่เป็นช่วงขาขึ้นและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
- แต่ต้องไม่ใช่สินค้าตามกระแส เพราะสินค้าตามกระแสมาไวไปไว แต่ธุรกิจแฟรนไชส์เราซื้อมาแล้วจะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน ถ้ากระแสนั้นเกิดซบเซาเร็วเกินไปแฟรนไชส์ซี่อย่างเราอาจตกที่นั่งลำบากได้
- ควรเป็นสินค้าที่มีการซื้อซ้ำ อย่างเช่นของใช้จำเป็นหรือของกิน คือหมดแล้วต้องซื้อใหม่ โดยอาจจะเลือกจากแนวคำถามต่อไปนี้
- สินค้านั้นเป็นสินค้าจำเป็นหรือไม่ เพราะถ้าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยคนอาจจะคิดก่อนซื้อ
- ใช้แล้วหมดไป ถ้าหมดแล้วต้องซื้อใหม่ (ก่อให้เกิดการซื้อซ้ำ)
- มีประโยชน์คุ้มค่าหรือเปล่า ถ้าเป็นเราจะเลือกซื้อหรือไม่ เพราะอะไร
การที่ต้องดูแฟรนไชส์เซอร์ก็เหมือนกับเวลาเลือกหุ้นที่เราจะวิเคราะห์ไปถึงผู้บริหารเพื่อดูวิสัยทัศน์ ความน่าเชื่อถือ และดูผลงานที่ผ่านมา การเลือกแฟรนไชส์ก็คล้ายๆกัน เราก็ต้องดูแฟรนไชส์เซอร์ด้วยว่าเค้ามีวิสัยทัศน์ในการทำงานอย่างไร ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วดูแลดีสม่ำเสมอรึเปล่า รวมถึงเรื่องข้อสัญญาต่างๆด้วยต้องอ่านให้ดี ยิ่งถ้าอ่านแล้วแฟรนไชส์เซอร์มีแววเอาเปรียบแล้วละก็ไม่ควรเสี่ยงด้วยเด็ดขาด
ระบบของแฟรนไชส์
แฟรนไชส์คือการทำธุรกิจระหว่างแฟรนไชส์เซอร์(เจ้าของ)กับแฟรนไชส์ซี่(คนซื้อแฟรนไชส์) ซึ่งแฟรนไชส์ซี่หลายคนอาจจะอยู่ไกล แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแฟรนไชส์เซอร์จะดูแลเราได้ทั่วถึง ปัจจัยที่สำคัญนั้นคือ“ระบบ” แฟรนไชส์ที่ดีต้องมีระบบการบริหารการจัดการเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน และยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้
ถึงแม้ว่าแต่ละสาขาจะอยู่ไกลแค่ไหนแต่ถ้ามีระบบที่ดี จะทำให้แฟรนไชส์เซอร์ดูแลทุกสาขาได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสาร การควบคุมคุณภาพสินค้า การจัดเก็บสินค้า การตรวจเช็คคุณภาพโดยรวม เรื่องความสะอาด และการบริการ ฯลฯ
การสนับสนุนของแฟรนไชส์เซอร์
- ขั้นเริ่มต้นเลยก็ต้องมีการฝึกอบรมหลักสูตรและอบรมพนักงานใหม่ เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานซะก่อน รวมถึงให้คำแนะนำเรื่องการจัดตั้งร้าน การจัดเก็บสินค้าและเรื่องจำเป็นอื่นๆ พูดง่ายๆคือให้ทำได้และขายเป็น
- เป็นผู้ช่วยที่ดีในการเลือกทำเล เพราะด้วยความที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ ก็จะต้องมีประสบการณ์ในการเลือกทำเลให้กับแฟรนไชส์ซี่เจ้าอื่นๆมาก่อน
- การช่วยเหลือในระยะยาวก็สำคัญ ไม่ใช่ว่าช่วงแรกๆที่อยากได้ค่าแฟรนไชส์จากเรา อะไรๆก็ดีไปหมด ขอร้องอะไรก็ช่วย อยากได้อะไรก็ซัพพอร์ท แต่เมื่อเราทำไปนานๆแล้วเจอปัญหาก็ติดต่อยากอ้างโน่นนี่นั่น
เพราะฉะนั้นก่อนเลือกซื้อแฟรนไชส์เซอร์ต้องดูดีๆ โดยให้ลองสำรวจสอบถามจากแฟรนไชส์ซี่เจ้าอื่นๆ ดูว่าเจ้าของมีการซัพพอร์ทสม่ำเสมอหรือไม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ปัญหาในธุรกิจที่เจอมีอะไรบ้าง
สัญญาและเงื่อนไขต่างๆ
เมื่อพูดถึงสัญญา อยากจะให้ว่าที่แฟรนไชส์ซี่ทั้งหลายควรศึกษาด้วยความใจเย็นและละเอียดที่สุด ไม่อยากให้แต่จับปากกาแล้วเซ็นชื่อ ถ้าศึกษาไม่ดีอาจจะโดนเอาเปรียบได้
ถึงแม้ทุกวันนี้แฟรนไชส์จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีร้านค้าใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ออกจากธุรกิจแฟรนไชส์ไปในเวลาเพียงไม่ถึง 5 ปี เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะว่ามุ่งเน้นไปที่การขยายสาขามากเกินไปจนดูแลไม่ทั่วถึง เพราะฉะนั้นสัญญาหรือเงื่อนไขทุกๆข้อให้อ่านอย่างละเอียด ไม่ต้องรีบร้อน พึงระลึกอยู่เสมอว่าเรากำลังเลือกธุรกิจ ไม่ใช่เล่นขายของ! ให้ความสำคัญกับมันมากๆ ทุกๆข้อของสัญญา
และข้อสุดท้ายอยากให้มองธุรกิจให้ครอบคลุมทุกๆสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งเรื่องที่ดีที่สุดและเรื่องที่แย่ที่สุด เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต เช่นถ้าธุรกิจที่เราเลือกไปได้สวย โอเคจบ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดสภาวะขาดทุนล่ะ!! เราจะทำอย่างไร ถ้าเกิดเศรษฐกิจไม่ดีลูกค้าลดรายจ่ายไม่ซื้อของ แต่รายจ่ายของเรายังคงที่ เราจะแบ่งเงินไว้เป็นทุนสำรองเท่าไหร่ดี อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อพูดถึงสัญญา อยากจะให้ว่าที่แฟรนไชส์ซี่ทั้งหลายควรศึกษาด้วยความใจเย็นและละเอียดที่สุด ไม่อยากให้แต่จับปากกาแล้วเซ็นชื่อ ถ้าศึกษาไม่ดีอาจจะโดนเอาเปรียบได้
ถึงแม้ทุกวันนี้แฟรนไชส์จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีร้านค้าใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ออกจากธุรกิจแฟรนไชส์ไปในเวลาเพียงไม่ถึง 5 ปี เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะว่ามุ่งเน้นไปที่การขยายสาขามากเกินไปจนดูแลไม่ทั่วถึง เพราะฉะนั้นสัญญาหรือเงื่อนไขทุกๆข้อให้อ่านอย่างละเอียด ไม่ต้องรีบร้อน พึงระลึกอยู่เสมอว่าเรากำลังเลือกธุรกิจ ไม่ใช่เล่นขายของ! ให้ความสำคัญกับมันมากๆ ทุกๆข้อของสัญญา
และข้อสุดท้ายอยากให้มองธุรกิจให้ครอบคลุมทุกๆสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งเรื่องที่ดีที่สุดและเรื่องที่แย่ที่สุด เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต เช่นถ้าธุรกิจที่เราเลือกไปได้สวย โอเคจบ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดสภาวะขาดทุนล่ะ!! เราจะทำอย่างไร ถ้าเกิดเศรษฐกิจไม่ดีลูกค้าลดรายจ่ายไม่ซื้อของ แต่รายจ่ายของเรายังคงที่ เราจะแบ่งเงินไว้เป็นทุนสำรองเท่าไหร่ดี อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/