เป้าหมาย คือแรงผลักดันสู่ความสำเร็จในชีวิต ในการทำธุรกิจส่วนตัว

ผมเชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนบุคคลทั่วไปหรือนักเรียนนักศึกษา ไม่มีใครที่คิดอยากจะเป็นลูกน้องคนอื่นเขา ส่วนมากอยากเป็นเจ้านายตัวเองมากกว่า บางท่านบอกว่ามีธุรกิจส่วนตัวทำอะไรก็ได้ขอให้เป็นกิจการของเราเอง ผมเองก็ฝันเช่นนั้น แต่เมื่อเรามองมาที่ตัวเราดูอีกครั้งคำถามก็เกิดขึ้นว่าทำไม… เราไม่มีอย่างเขา ไม่มีเงินทุน ไม่มีอะไรเลย ผิดครับเรายังมีสองมือสองเท้าและสมองที่คิดอะไรใหม่ๆ ได้ ผมได้มีโอกาสเข้าอบรมโครงการ smartCPN โดย อ.อำนาจ ทัศนียกุลอาจารย์บอกว่าทุกๆ คนมีศักยภาพเท่าเทียมกันเพียงแค่เราไม่ดึงมันมาใช้ การที่จะดึงศักยภาพมาใช้นั้นเราต้องอาศัยแรงดึง แรงดึงในที่นี้นั่นก็คือเป้าหมาย ทุกคนจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องมีเป้าหมาย ดังนั้นเราควรค้นหาเป้าหมายของเราให้เจอแล้วรีบลงมือทำโดยเร็ว เพราะโอกาสมีไว้สำหรับคนที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าเอาไว้และทำมันให้สำเร็จ
เป้าหมาย คือแรงผลักดันสู่ความสำเร็จในชีวิต

การกำหนดเป้าหมายตามหลัก SMART Goal ประกอบด้วย

S = Specific คือ เป้าหมายควรมีความชัดเจน เช่น กำหนดเป้าหมายว่า (ฉันจะลดน้ำหนัก) เปรียบเทียบกับ “ฉันจะวิ่งวันละห้ากิโลเมตร” เป้าหมายแบบไหนจะชัดเจนกว่ากัน
M = Measuradle คือ เป้าหมายนั้นจะต้องวัดผลได้ เช่น หากเรากำหนดเป้าหมายว่า “ฉันต้องการอ่านหนังสือ” ซึ่งยังไม่สามารถวัดผลได้แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น “ฉันต้องการอ่านหนังสือ Harry potter เล่มห้า ฉบับภาษาอังกฤษ จำนวน 896 หน้า ให้จบภายในหนึ่งเดือน ” เห็นไหมล่ะครับว่าเป้าหมายแบบไหนจะวัดผลได้ง่ายกว่ากัน
A = Attainable คือ เป้าหมายต้องอยู่ในวิสัยที่ทำได้จริง เช่น “ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้สิบกิโลกรัมภายในหนึ่งสัปดาห์” ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เพราะเราคงไม่สามารถไปบังคับร่างกายได้ขนาดนั้น แต่เราควรตั้งเป้าหมายใหม่ว่า “ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้หนึ่งกิโลกรัมภายในหนึ่งสัปดาห์”
R = Realistic คือ เป้าหมายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ของตัวเรา ไม่ควรหักดิบ เช่น หลังเลิกงานเรามักจะเล่นอินเทอร์เน็ต 3-4 ชั่วโมงหากต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมก็อาจตั้งเป้าหมายว่า “ฉันจะลดชั่วโมงการเล่นอินเทอร์เน็ตลง และใช่เวลาที่ลดลงไปออกกำลังกาย” แล้วก็ค่อยๆ ปฏิบัติจนในที่สุดก็สามารถทำได้โดย “แต่ละวันใช้เวลาในการเล่นอินเตอร์เน็ตไม่เกินหนึ่งชั่วโมง” นอกจากได้เล่นอินเตอร์เน็ตแล้วยังได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย
T = Timely คือ เป้าหมายต้องมีการกำหนดเวลาแน่นอน หากไม่มีกรอบเวลาก็จะทำให้ความมุ่งมั่นลดลง เพราะมัวแต่คิดว่าจะเริ่มทำเมื่อไหร่ก็ได้
คงมีบางท่านเตรียมการกำหนดเป้าหมายตามหลัก SMART Goal แล้วใช่มั้ยครับ การที่ใครจะประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน หรือในธุรกิจส่วนตัวผมมองว่าคนๆ นั้นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและทำตามแผนที่กำหนดเอาไว้อย่างแน่นอน และหวังว่าท่านใดที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเริ่มทำอะไร ผมแนะนำเลยครับว่าให้เริ่มในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วกำหนดเป้าหมายให้มันชัดเจนเลยครับ ที่มา : www.gotoknow.org/blogs และ โครงการพัฒนาบุคลากร smartCPN โดย อ.อำนาจ ทัศนียกุล
ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

ขายของออนไลน์ ข้อดีและข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์

ว่าด้วยธุรกิจออนไลน์สมัยนี้ผลตอบรับค่อนข้างดี คนรุ่นใหม่ใช้อินเตอร์เน็ตกันเป็นหมดแล้ว จะหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรก็มาค้นหาตามอินเตอร์เน็ตกันทั้งนั้น ทุกๆ วันคนเข้าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าคุณหรือเพื่อนของคุณจะออกไปทานข้าวตอนพักเที่ยงต้องมีบ้างแหละที่ส่งอีเมล์หากัน บ้างก็โพสต์ลงfacebookว่าจะชวนกันไปกินข้าวที่ไหน มีคนมากมายตอนนี้ให้เลือกระหว่างไม่ได้กินข้าวกับไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ รู้มั้ยว่าเขาเลือกที่จะไม่กินข้าว เมื่อก่อนผมตัวผอมไปเลยที่เดียว ใครที่อยากลดน้ำหนักก็ลองดูก็แล้วกัน อย่าทำตามผมนะครับผอมก็จริงแต่ร่างกายไม่ดีเจ็บป่วยได้ง่ายมากตัวก็เหลือง ขอบตาก็ดำ ถูกแสงไม่ได้แสบตาผลที่ตามมามากมายเลยครับ เริ่มนอกเรื่องไปกันแล้ว เอาเป็นว่าธุรกิจออนไลน์นี้เริ่มเป็นที่นิยมกันมากแล้วครับ
ขายของออนไลน์ ข้อดีและข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์

ขายของออนไลน์ดีอย่างไร

ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์นั้นมีมากมายเลยที่เดียว เมื่อทำการเปรียบเทียบกันแล้วกับการขายทั่วไปดูเหมือนว่าการขายผ่านอินเตอร์เน็ตจะคุ้มค่ามากกว่ากันโดยเฉพาะใครที่เปิดขายหน้าร้านและออนไลน์อยู่ด้วยละก็ได้เปรียบสุดๆ แล้วข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์มีอะไรบ้าง อาทิเช่น
1.ไม่ต้องมีหน้าร้านก็สามารถขายสินค้านั้นๆ ได้
2.ลงทุนน้อย ไม่ต้องเช่าพื้นที่ขาย
3.เป็นการขายสินค้าที่ไร้พรมแดน ไม่มีขีดจำกัด
4.ความสะดวกสบายในการจัดส่งสินค้าและบริการไปถึงหน้าบ้านของลูกค้า โดยที่ไม่ต้องออกมาซื้อสินค้าเองช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า
5.ช่วยเพิ่มช่องบริการ การสั่งซื้อสินค้าได้เพิ่ม
6.ช่วยเพิ่มช่องทางในการทำตลาดของเรา
7.สามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง
8.ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถบริหารจัดการดูแลทำได้ง่ายแม้แต่นั่งทานข้าว
9.เพิ่มประสิทธิภาพในการขายของเรา
10.สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะของเราได้
11.มีการชำระเงินที่ทันสมัย ผ่านระบบออนไลน์และผ่านบัตรเครดิต
12.ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานขาย
13.วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นคนเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรากี่คน มาจากไหนจังหวัดอะไรอยู่ที่ใด เข้ามาที่เว็บแล้วทำอะไรบ้าง

ข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์

ในเมื่อเรารู้แล้วว่าการขายของออนไลน์นั้นมีข้อดีอย่างไร แต่แน่นอนครับว่าต้องมีข้อเสียเหมือนกันเพราะถ้ามีเฉพาะข้อดีป่านนี้คงไม่ต้องมีร้านค้าเปิดให้บริการลูกค้าหรอกครับ เอาเป็นว่าเรามาดูข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์กันดีกว่าครับ
1. มีการแข่งขันสูงในประเภทธุรกิจหรือสินค้าที่มีความนิยมสูง
2. ความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนการซื้อสินค้าที่สามารถจับต้องได้จริง
3. สินค้าบางอย่างไม่สามารถนำมาขายออนไลน์ได้
4. ความไม่ปลอดภัยจากระบบคอมพิวเตอร์ โดยภัยคุกคามที่มาจากอินเตอร์เน็ตอาจทำให้ข้อมูลลูกค้ารั่วไหล หรือยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้ระบบชำระเงินไม่ปลอดภัย ถ้าขาดการดูแลเว็บไซต์อย่างจริงจังและไม่มีความรู็พอ
5. ราคาสินค้าไม่สามารถขายเกินราคาบนท้องตลาดได้ เพราะถ้าเราขายแพงกว่าราคาจริงสินค้าอาจจะขายออกลำบาก จึงทำให้สินค้าออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าท้องตลาดจริง

แนวทางการทำธุรกิจซื้อขายสินค้า online (e-commerce)

อีก 2-3 ปีข้างหน้านี้มองว่า online shop คงจะคึกคักมากกว่านี้ ตอนนี้ได้มีบริษัทชั้นนำของโลกได้เข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นแล้ว ดังนั้นเองท่านใดที่คิดจะเปิดทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ก็ควรรีบทำโดยเร็วใครมากก่อนได้เปรียบ เริ่มต้นกันเลยนะครับ
1.ควรศึกษาการใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ชำนาญ
2.ศึกษาการทำเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าและการจัดการดูแลเว็บไซต์ (เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการเขียนเว็บก็สามารถทำเว็บไซต์ได้ ข้อแค่เพียงเราสามารถจัดการและดูแลเว็บเป็น)
3.ศึกษาตลาดที่จะลงแข่งขันให้ดี ว่าที่เราจะขายมีการแข่งขันของตลาดนั้นมากหรือไม่ และคู่แข่งของเราเป็นอย่างไร
4.ทำการตลาดให้ถูกต้อง อาทิเช่น การโปรโมทสินค้ากับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เราขายจะได้ผลดีที่สุด
5.วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ของเว็บไซต์และข้อมูลของลูกค้า แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป
ผู้ให้บริการเปิดร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูป
1. www.weloveshopping.com
2. www.nsmsoft.net
3. www.lnwshop.com
4. www.plazacool.com
ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

ไอเดียบรรเจิด แนวคิดสร้างธุรกิจส่วนตัวเพิ่มโอกาสให้เป็นเศรษฐี

ไอเดียบรรเจิด แนวคิดสร้างธุรกิจส่วนตัวเพิ่มโอกาสให้เป็นเศรษฐี ถ้าคุณติดตามข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือทางโทรทัศน์เป็นประจำ คุณจะเห็นเศรษฐีใหม่หลายคนที่ร่ำรวยในเวลาข้ามปีจากการที่ทำอะไรแปลกแหวกแนวกว่าคนอื่นเขาเท่านั้นเอง

ไอเดียบรรเจิด แนวคิดสร้างธุรกิจเพิ่มโอกาสให้เป็นเศรษฐี

ไอเดีย เป็นเรื่องสำคัญมาก
คุณอาจไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนทางครีเอทีฟมาก่อน แต่คนเราทุกคนสามารถออกแบบริเริ่ม สร้างสรรค์ อะไรต่อมิอะไรได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะมีวิธีคิดและวิธีมองสิ่งของธรรมดาให้กลายมาเป็นของที่ไม่ธรรมดาได้อย่างไร

บางทีเราอาจจะพบว่ามีอะไรบางอย่างที่เราสามารถนำมาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นสินค้าที่มีผู้คนสนใจได้ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มแม่บ้าน หรือกลุ่มชาวบ้านที่สร้างสรรค์สินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ ที่รวมตัวกันสร้างงานเล็กๆ จนกลายมาเป็นงานที่สร้างรายได้หลักให้ครอบครัวและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้เป็นสินค้าส่งออกที่สร้างชื่อเสียงและนำรายได้เข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท นับเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างไอเดียให้กลายมาเป็นรายได้เช่นกัน

ถ้าอยากสร้างไอเดียให้บรรเจิด

เพื่อจะได้มีโอกาสเป็นเศรษฐีได้เร็ว ก็ต้องสร้างความสนใจในสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วย

เพราะการได้มีโอกาสออกแบบด้วยตัวเอง จะเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้าของเรา ทำให้มีจุดขายที่แตกต่างจากผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อเสื้อผ้าจากตลาดประตูน้ำไปขาย คุณก็จะได้ขายแต่สินค้ามียี่ห้อของคนอื่น ซึ่งช่วยขยายตลาดให้กิจการของเขาเจริญก้าวหน้า

แต่หากคุณตัดสินใจลงทุนสักก้อน ออกแบบและจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าแบบแปลกด้วยไอเดียของตัวคุณเอง คุณก็สามารถผลิตเสื้อผ้าของตัวเองที่มีเอกลักษณ์ ใครจะรู้ว่าเสื้อผ้าของคุณอาจจะฮิตติดตลาดจนโด่งดังเช่นเดียวกับแบรนด์ไทยรายอื่นๆ ก็เป็นได้

กล้าคิดและกล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง แล้วความสำเร็จจะเป็นของคุณอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณ คุณวิภาวรรณ ที่แนะนำเรื่องนี้มาจากหนังสือ “ร่ำรวยและก้าวหน้า”
ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

เส้นทางอาชีพธุรกิจส่วนตัว “ธุรกิจร้านเสื้อผ้า” เสื้อผ้าแฟชั่นในห้างสรรพสินค้า

เส้นทางอาชีพ “ธุรกิจร้านเสื้อผ้า” เสื้อผ้าแฟชั่นในห้างสรรพสินค้า

เส้นทางอาชีพธุรกิจส่วนตัว “ธุรกิจร้านเสื้อผ้า” เสื้อผ้าแฟชั่นในห้างสรรพสินค้า “เสื้อผ้า” เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยแต่งเติมสีสันให้กับร่างกายของเรา การแต่งตัวช่วยให้เราดูดีขึ้นและในปัจจุบันแฟชั่นต่างประเทศได้เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทำให้ประชากรกลุ่มใหญ่นิยมใช้ของแบรนด์เนมและเสื้อผ้าที่มียี่ห้อเท่านั้น ทำให้เกิดกระแสแฟชั่นฮิตขึ้นมา และเหตุผลนี้เองทิ่เราสามารถนำมาใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ธุรกิจนี้นอกจากจะได้ผลตอบแทนดีแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย เพราะยอดจำหน่ายเสื้อผ้าในบ้านเรานับว่ามีวงเงินหมุนเวียนมากว่าปีละพันล้านบาทเลยทีเดียว

เจ้าของร้าน Bovy@Fashion

ขายเสื้อผ้าให้ชาวต่างชาติคุณ ราตรี แสงพิทักษ์ หรือพี่โบวี่ เจ้าของร้าน Bovy@Fahiosn เล่าให้เราฟังว่า ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นยังเป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ตลอด เพราะยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังการซื้อมากพอสมควร พี่โบวี่เจ้าของร้านได้บอกกับทีมงานเราว่า มีลูกค้าบางท่านที่เจาะจงมาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ร้านโดยเฉพาะหรือลูกค้าที่เดินผ่านหน้าร้านพอเจอเสื้อผ้าสวยๆ ก็หันกลับมาเลือกดู บางท่านถูกใจก็ซื้อไปเลยโดยไม่ลังเล เพราะเสื้อผ้าที่ร้านเปลี่ยนแบบแฟชั่นทุกอาทิตย์ซึ่งเป็นเรื่องปกติของแฟชั่นอยู่แล้วที่จะมีการอัพเดทตลอดเวลาเพื่อให้ตอบสนองของกลุ่มลูกค้า พี่โบวี่ยังได้บอกกับเราอีกว่า เสื้อผ้าที่ร้านเน้นกลุ่มลูกค้าอายุประมาณ 20 ปีขึ้นไป และเป็นกลุ่มวัยทำงานเพราะจะมีกำลังการซื้อเยอะกว่า
นอกจากจะมีชุดเดรสสวยๆ แล้ว ยังมีหมวก กำไลข้อมือ เข็มขัด กระเป๋า สร้อยคอ รวมไปถึงรองเท้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถจับมาแมทกันได้อย่างลงตัวและเป็นการเพิ่มยอดขายไปอีกช่องทางหนึ่ง

เปิดร้านขายเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า

หุ่นโชว์ในร้าน พี่โบวี่เล่าให้ฟังว่า ที่เลือกเปิดร้านเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าเป็นเพราะมีความสะดวกสบาย ไม่ต้องตากแดดตากฝนและลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชอบความสบายอยู่แล้ว ทางทีมงานได้ถามต่อว่า เปิดร้านในห้างจะคุ้มกับค่าเช่าพื้นที่หรือเปล่า พี่โบวี่ตอบกับเราว่า “ก็คุ้มอยู่นะ” รายได้เดือนๆ นึง ก็เฉลี่ยแล้วเป็นแสน เพราะมีทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงทำให้มีกำลังซื้อเยอะขึ้น แต่จะมีข้อเสียก็ตรงที่เราจะไม่มีวันหยุดนอกซะจากว่าเราจะจ้างลูกน้องมานั่งขายแทนหรืออาจจะหาญาติพี่น้องมาขายช่วยก็ได้

แหล่งสินค้า ขาย-ส่ง

แหล่งสินค้า ขาย-ส่ง เสื้อผ้าแฟชั่น มีให้เราเลือกอยู่หลายที่ จากข้อมูลที่ร้าน Bovy@Fashion ให้มา พี่โบวี่เจ้าของร้านได้ไปรับเสื้อผ้ามาจากประตูน้ำ ตลาดโบ๊เบ๊ และแพลทตินัม เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขาย-ส่ง เสื้อผ้ารายใหญ่ของกรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนึงก็เฉลี่ยประมาณ 1,000-1,500 บาท แต่เราจะต้องรู้จักเลือกคละแบบสินค้าและดูแฟชั่นในช่วงนั้นๆ ด้วย สินค้าที่รับมาจำหน่ายก็เป็นสินค้าเกรดA ทั้งนั้น เนื้อผ้าและคุณภาพจึงเหมาะสมกับราคาที่เรานำมาวางขายหน้าร้านได้อย่างลงตัว
ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น
สำหรับท่านใดสนใจที่อยากจะมีร้านขายเสื้อผ้าเป็นของตัวเองหรือต้องการปรึกษาแนวทางธุรกิจนี้ ท่านสามารถแวะเข้ามาเยี่ยมชมได้ที่ ร้าน Bovy@Fashion โซน XY Marena ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเซ็นเตอร์พัทยา ท่านใดที่มีโอกาสได้แวะมาเที่ยวที่พัทยาก็อย่าลืมเข้ามาอุดหนุนเสื้อผ้าแฟชั่นสวยๆ ราคาย่อมเยากันดูบ้างนะค่ะ

ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

ธุรกิจส่วนตัว “เส้นทางอาชีพ” ยำมะม่วงปูม้า สุดยอดอาชีพทำเงินที่ทุกท่านควรรู้จัก

ธุรกิจส่วนตัว “เส้นทางอาชีพ” ยำมะม่วงปูม้า สุดยอดอาชีพทำเงินที่ทุกท่านควรรู้จัก ยำมะม่วงปูม้า เป็นอาหารทานเล่นที่ได้รับความนิยมกันมากในช่วงนี้ รสชาติของปูม้าสดๆ ผสมกับมะม่วงน้ำดอกไม้อมเปรี้ยวมัน คลุกเคล้ากับน้ำราดสูตรพิเศษ และเพิ่มพริกป่นลงไปยิ่งทำให้ยำมะม่วงปูม้ามีรสจัดจ้าน แซ่บเพิ่มขึ้นอีกนอกจากนี้ยังมียำปูม้า และยำมะม่วงสูตรเด็ดรวมอยู่ด้วยลูกค้าสามารถสั่งได้ตามความชอบของลูกค้าแต่ละคน บางคนติดอกติดใจถึงขั้นต้องสั่งพิเศษถุงเดียว 100 บาทเลยทีเดียว ซึ่งปกติขายเพียงถุงละ 40 บาทเท่านั้นเอง


“เส้นทางอาชีพ” ยำมะม่วงปูม้า สุดยอดอาชีพทำเงินที่ทุกท่านควรรู้จัก

ยำมะม่วงปูม้า พี่เอก@พัทยา
ทางทีมงาน ” www.ohomakemoney.com ” ของเราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ร้านยำมะม่วงปูม้าร้านนึง ซึ่งเป็นเพียงร้านเล็กๆ เป็นรถมอเตอร์ไซต์ต่อพ่วงเพื่อขายยำมะม่วงปูม้า แต่แทบไม่น่าเชื่อว่าลูกค้าที่มาอุดหนุน เยอะมากจนเราตกใจ เพราะลูกค้าบางท่านมารอนานเป็นชั่วโมงแต่ก็ไม่มีใครยอมลุกหนี มีแต่นั่งรออย่างใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวเราซะทีนะ (ทีมงานยังต้องรอนะค่ะ) เมื่อได้โอกาสเราจึงได้สอบถามเจ้าของร้านยำมะม่วงถึงความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของอาชีพนี้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ ว่าทำอย่างไรกันบ้าง

เจ้าของร้านยำมะม่วงปูม้า @พัทยา
เจ้าของร้านชื่อคุณ สุนทร หรือเรียกชื่อเล่นว่า พี่เอก ทีมงานของเราจึงได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นมาของร้าน พี่เอกตอบกับทีมงานเราว่า พี่เอกเป็นคนจังหวัดชัยนาท ก่อนจะมาประกอบอาชีพนี้พี่เอกเคยเป็นเทรนเนอร์มาก่อน อยู่มาเกือบสิบปีแต่ก็ต้องมีเหตุให้พี่เอกต้องออกจากงาน เลยหันมาศึกษาเกี่ยวกับการทำยำมะม่วงปูม้า เพราะเล็งเห็นว่ายังไม่ค่อยมีใครขายเราน่าจะบุกตลาดได้เพราะลูกค้าบางท่านยังไม่เคยชิมมาก่อน ตอนนี้มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจรที่มาอุดหนุนจนหมดทุกวัน ลูกค้าบางท่านอาจจะโทรมาสั่งจองคิวไว้ล่วงหน้าเพราะกว่าจะได้ทานต้องรอคิวนานมาก ลูกค้ามีทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาอุดหนุน พี่เอกยังบอกอีกว่าเมื่อก่อนที่มาขายยำมะม่วงปูม้าครั้งแรก ขายได้น้อยมากเพราะยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก พี่เอกต้องใช้ความพยายามและความอดทนขายต่อมาได้ประมาณสามเดือน ก็ปรากฏว่ามีลูกค้าที่เคยมาอุดหนุนและติดอกติดใจในรสชาติจนกลายเป็นที่ชื่นชอบ และนำไปบอกปากต่อปากจนทำให้ทุกวันนี้ร้านยำมะม่วงปูม้าของพี่เอกมีกำไรเพิ่มมากขึ้นและขายดิบขายดีจนถึงทุกวันนี้

สูตรน้ำราดนี้เป็นปัจจัยสำคัญของยำมะม่วงปูม้าที่พี่เอกคิดขึ้นเองเป็นสูตรเด็ดเฉพาะ สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะขายยำมะม่วงปูม้าแต่ทำน้ำราดไม่เป็นพี่เอกยินดีขายส่งให้ทั้งในพัทยาและต่างจังหวัด และท่านใดสนใจอยากมีร้านขายยำมะม่วงปูม้าเป็นของตนเอง หากท่านยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาชีพนี้ท่านสามารถติดต่อสอบถามพี่เอกได้ที่ เบอร์โทร 083-889-070-5 เพราะพี่เอกนอกจากจะขายยำมะม่วงปูม้าแล้วยังขายส่งน้ำราดสูตรเด็ดนี้ด้วย ราคาโหลละประมาณ 200 บาท หากท่านอยู่ต่างจังหวัดท่านสนใจอยากสั่งซื้อก็ลองติดต่อสอบถามกับพี่เอกได้นะค่ะ

เครื่องปรุงและส่วนผสมการทำยำมะม่วงปูม้า
1. หอมแดงซอย 2. ผักชีฝรั่งซอย 3. กระเทียมหั่นแว่น 4. กุ้งแห้ง 5. ปลากรอบ 6. ถั่วลิสงคั่ว 7. พริกขี้หนูสดหั่น 8.พริกป่น 9. น้ำปลา 10. ผงชูรส 11. มะม่วงน้ำดอกไม้ 12. ปูม้าสด และลำดับสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยและเป็นหัวใจสำคัญของยำมะม่วงปูม้านั่นคือ น้ำราดสูตรเด็ด ที่พี่เอกคิดค้นเองเป็นเวลานานนับปีค่ะ
หมายเหตุ: พี่เอกตวงเครื่องปรุงและส่วนผสมในอัตราส่วนเท่าๆ กันใส่ถุงไว้ เมื่อถึงเวลายำพี่เอกจะนำส่วนผสมนั้นเทลงในภาชนะเลยทันที เพราะเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการตักตวงส่วนผสมในภายหลัง เพื่อความสะดวกรวดเร็วเวลาที่ลูกค้ามากันเยอะๆ จะได้ไม่เสียเวลาค่ะ

วิธีทำยำมะม่วงปูม้า
ขั้นตอนการทำ
1. นำปูม้ามาล้างให้สะอาด และพลิกตัวปูดูที่ด้านหลังปูจะเจอตะปิ้ง ซึ่งอยู่ตรงกลางของกระดองให้แกะทิ้งไป เมื่อแกะตะปิ้งทิ้งแล้วให้ดูรอยต่อระหว่างตะปิ้งกับกระดองจะเห็นเป็นรอยแยกเล็กๆ เราจะชำแหละแทรกเข้าไปเพื่อแยกกระดองออกจากตัวปูนั่นเอง
2.นำมะม่วงน้ำดอกไม้ใส่ลงไปในภาชนะ หลังจากนั้นให้นำพริกขี้หนูสดหั่นใส่ลงไป หอมแดงซอย ผักชีฝรั่งซอย กระเทียมหั่นแว่น กุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว และปลากรอบใส่ตามลงไปในภาชนะ
3. เมื่อนำส่วนผสมเทลงในภาชนะแล้ว ให้นำปูม้าสดใส่ลงไป และเติมพริกป่น ผงชูรส น้ำปลา และที่ขาดไม่ได้คือน้ำราดสูตรเด็ดนั่นเองค่ะ
4. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และชิมรสชาติของยำมะม่วงปูม้าดูว่ารสชาติถูกปากรึเปล่า หลังจากนั้นก็ตักใส่ชามและเป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
หมายเหตุ: หากท่านต้องการทานรสชาติแบบไหนท่านสามารถกะตวงปริมาณของวัตถุดิบตามความชอบได้เลยนะค่ะ เพราะรสชาติหลักขึ้นอยู่กับน้ำราดที่เราทำขึ้นเองด้วยค่ะ
ต้นทุนในการเปิดร้านยำมะม่วงปูม้า

ต้นทุนในการเปิดร้านขายยำมะม่วงปูม้า พี่เอกบอกว่าลงทุนครั้งแรกลงทุนไม่เกิน 10,000 บาทก็สามารถเปิดขายได้ และส่วนของการลงทุนขายวันต่อวันนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ว่าในแต่ละวันเราขายได้กำไรมากน้อยเท่าไหร่ หักลบแล้วก็ต้องนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อของเพื่อขายในวันถัดไป ลงทุนก็ประมาณ 2,000 – 3,000 บาทต่อวัน พี่เอกได้บอกกับเราอีกว่า กำไรในการขายยำมะม่วงปูม้า 1 เดือน รับ 45,000-50,000 บาท ซึ่งเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ต้องขายให้มะม่วงหมด 10 กิโลขึ้นไปนะค่ะ พี่เอกเตรียมของเสร็จก็ออกจากบ้านมาขายตั้งแต่ 5 โมงเย็น ขายเสร็จก็ประมาณ 5 ทุ่ม ขายแบบนี้ทุกๆ วัน และประกอบอาชีพนี้มานานกว่าสามปีแล้ว ซึ่งเป็นอาชีพที่สุจริตและสามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไม่อายใครเลยค่ะ

การขายยำมะม่วงปูม้า
ถ้าในวิกฤติเศรษฐกิจที่ปูม้าแพงหรือมะม่วงแพง อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้แต่พี่เอกก็จะไม่ขึ้นราคาแต่อาจจะลดปริมาณลงเล็กน้อยเพื่อสอดคล้องกันกับช่วงข้าวของแพงแต่ก็ยังคงรสชาติความอร่อยเช่นเดิม และการเลือกปูม้าว่าสดหรือไม่นั้นพี่เอกบอกว่าให้จับดูที่ใต้ท้องปูม้าว่าท้องมันแน่นหรือเปล่าและใช้ยางวงรัดไว้อีกที และปูม้าต้องยังมีชีวิตสดๆ เป็นๆ อยู่ ถึงจะเรียกว่าสดจริง และแต่ละวันของการขายถ้าปูม้าเหลือพี่เอกก็จะไม่นำกลับมาขายใหม่เพราะจะทำให้ปูม้าไม่สด เสียรสชาติและอาจจะเสียลูกค้าด้วย แต่ถ้ามะม่วงน้ำดอกไม้เหลือเราสามารถนำกลับมาขายใหม่ได้ไม่เกินสามวัน โดยใช้วิธีการเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อจะคงความสดของมะม่วงไว้ ลูกค้าบางท่านที่ซื้อยำมะม่วงปูม้าไปรับประทานบางท่านอาจจะทิ้งไว้ประมาณ 10 – 20 นาที เพื่อจะให้ส่วนผสมทั้งหมดซึมเข้าไปในเนื้อมะม่วงจนทำให้มะม่วงนิ่มและเป็นการเพิ่มรสชาติไปอีกแบบนึง หรือบางท่านเมื่อซื้อไปอาจจะรีบแกะถุงและรีบกินเลยก็ได้ (เพราะอดใจรอไม่ไหวค่ะ)

ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

เผยสูตรลับ! นมชาเขียว ชงขายสร้างรายได้หลักหมื่น

เผยสูตรลับ! นมชาเขียว ชงขายสร้างรายได้หลักหมื่น

พบกับสูตรเครื่องดื่มยอดนิยม อย่างสูตรนมชาเขียว เครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน บทความนี้เราจะพาไปดูขั้นตอนการทำ จนถึงขั้นบรรจุลงขวดติดฉลาก และวางขายกันและทีเดียว โดยใช้ต้นทุนเพียงแค่ 400 – 500 บาท ซึ่งเป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนที่ต้องการจะทำอาชีพเสริม สร้างรายได้เข้ากระเป๋าตนเอง การขายนมชาเขียวก็เป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ เราไปดูวิธีการทำนมชาเขียวกันเลยดีกว่า

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • นมข้น + นมสด
  • น้ำตาล
  • ผงชาเขียวตรามือ
  • ครีมเทียม
  • ขวด 250 มล.
  • ฉลากสินค้า
  • ถุงชงชา
  • กรวยกรอง กระบวย ไม้พาย




วิธีการทำ นมชาเขียว
1. ต้มน้ำสะอาดประมาณ 12 ลิตร ลงในหม้อขนาดใหญ่ โดยใช้ไฟแรง ๆ นำผงชาเขียวใส่ถุงชงชาแล้วนำมาแช่ไว้ในหม้อขณะต้ม พยายามอย่าให้ผงชาหลุดออกนอกถุง ปิดฝาหม้อทิ้งไว้จนกระทั้งน้ำเริ่มร้อนแต่ไม่ถึงกับเดือด


2. นำถุงชงชาออก จากนั้นเทน้ำตาลทรายขาวลงไป 1.5 กิโลกรัม เสร็จแล้วนำไม้พายมาคนจนน้ำตาลเข้ากับน้ำชาเขียว


3. เมื่อน้ำตาลละลายจนเข้ากับน้ำชาเขียวแล้ว เทนมสด 1 กระป๋อง และตามด้วยนมข้นหวาน 1 กระป๋อง จากนั้นใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน






4. จากนั้นใส่ครีมเทียมตามลงไปประมาณ 500 กรัม แล้วใช้ไม้พายคนให้เข้ากันกับน้ำชาเขียว


5. เมื่อคนจนส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ให้ต้มต่อไปเรื่อย ๆ จนน้ำเดือดพอประมาณ


6. ระหว่างรอน้ำเดือด ให้เตรียมขวดใส่ฉลากไว้ ฉลากขวดใส่ไว้แบบหลวม ๆ เมื่อโดนความร้อนของน้ำชาเขียว ฉลากก็จะหดเข้ารูปกับตัวขวดเอง หรือเราจะใช้ไดร์ความร้อนมาเป่าก็ได้



7. เมื่อเตรียมขวดเสร็จแล้ว และนมชาเขียวก็เดือดได้ที่ ขั้นตอนต่อไปก็นำมากรองลงขวด สูตรนี้จะใช้ประมาณ 50 -53 ขวด ต่อ 1 หม้อ


8. ขั้นตอนสุดท้ายเมื่อกรองลงขวดเสร็จแล้วก็นำฝามาปิดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เราก็จะได้นมชาเขียวหอม ๆ หวานอร่อย ที่พร้อมวางขายได้ทันที สามารถวางขายได้ตามร้านค้าทั่วไป หรือวางขายตามตลาดนัดก็ได้ ขึ้นอยู่กับทำเลหรือไอเดียของเพื่อน ๆ เอง

ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

แจกฟรี!! สูตรซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทยดำ ต้นตำหรับภัตตาคาร

แจกฟรี!! สูตรซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทยดำ ต้นตำหรับภัตตาคาร

หากใครมีซี่โครงหมูเก็บไว้ในตู้เย็น แล้วไม่รู้จะทำเมนูอาหารอะไรทานดี KingSMEs ก็มีสูตรซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทยดำ มาฝากเพื่อน ๆ ไว้ทำทานกันที่บ้าน โดยสูตรนี้จะได้ความหอมของเครื่องปรุง และความอร่อยของเนื้อหมู เรียกได้ว่าเป็นสูตรต้นตำหรับเลยทีเดียว เราไปดูกันดีกว่า ว่ามีส่วนผสม และขั้นตอนในการทำอย่าไรบ้าง

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • ซี่โครงหมูหั่น


  • รากผักชี
  • พริกไทยดำ
  • กระเทียม
  • เม็ดผักชี

  • พริกไทยขาวป่น
  • น้ำตาล
  • น้ำปลา
  • ซีอิ้วขาว
  • ผงปรุงรสหมู


วิธีการทำซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทยดำ
1. นำรากกระเทียม ผักชี เม็ดผักชี และพริกไทยดำ มาตำในครกให้แหลก



2. เมื่อตำจนแหลกได้ที่แล้ว ให้นำไปเทใส่ซี่โครงหมูในถ้วย



3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว



4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา



5. ตามด้วยน้ำตาล พริกไทยขาวป่น และผงปรุงรสรสหมู ปริมาณดังภาพ



6. จากนั้นคลุกเคล้าให้เครื่องสมุนไพรเข้ากันกับซี่โครงหมู จะได้กลิ่นหอมขอเครื่องปรุง



7. แพ็คใส่กล่อง แช่ทิ้งไว้ในตู้เย็น 1 คืน ไว้ทอดทานยามเช้า



8. เมื่อเช้าแล้ว เตรียมน้ำมันสำหรับทอดกันเลย



9. ตั้งกะทะ ใช้ไฟร้อนปานกลาง เทน้ำมันลงไป



10. เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ ใส่ซี่โครงหมูที่หมักไว้แล้ว ลงไปทอดจนสุก





เมื่อเสร็จแล้วก็ก็จะได้ ซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทยดำ หอม ๆ พร้อมเสิร์ฟทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เพื่อน ๆ ลองทำทานกันที่บ้านดูนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : ทำเองอร่อยเอง
ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

สูตรหมักปลาหมึกย่างรสเด็ด ! ทำทานทำขายง่าย ๆ ได้ที่บ้าน

พบกับสูตรหมักปลาหมึกย่างรสเด็ด สำหรับคนที่กำลังหาสูตรหมักปลาหมึกย่างขาย หรือทำทานในวันหยุดเทศกาล สูตรนี้เป็นสูตรหมักปลาหมึกย่างสีเหลือง ที่เราเห็นตามตลาดทั่วไป โดยมีขั้นตอนในการทำที่ง่าย เพื่อน ๆ สามารถลองทำกันได้ที่บ้านตนเอง ไปดูสูตรหมักปลาหมึกย่างกันดีกว่า ว่าจะมีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง

สูตรหมักปลาหมึกย่างรสเด็ด ! ทำทานทำขายง่าย ๆ ได้ที่บ้าน

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • ปลาหมึกสด
  • สารส้ม
  • น้ำปูขาว
  • ผงขมิ้น
  • ซีอิ้วดำCr. pantip.comCr. pantip.com

วิธีหมักปลาหมึกย่างรสเด็ด

  1. นำปลาหมึกสดที่ซื้อมาล้าง โดยนำปลาหมึกใส่ลงไปในอ่าง ใส่เกลือ 2 กำมือ ต่อ 1 กิโลกรัม
  2. เทน้ำใส่ลงอ่างปลาหมึก จากนั้นล้างโดยการตีฟอง ทำแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง จนฟองของน้ำลดลง
  3. นำสารส้มมาบดผสมน้ำ แล้วนำมาล้างปลาหมึก จะช่วยให้ปลาหมึกไม่มีกลิ่นคาว
  4. นำน้ำปูนขาว 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำ 1- 2 ขัน แล้วนำปลาหมึกมาแช่ จะทำให้ปลาหมึกกรอบอร่อยเวลาย่าง
  5. เสร็จแล้วนำปลาหมึกขึ้นมาใส่ถ้วย เทผงขมิ้น น้ำเปล่า ซีอิ้วดำ ลงไปพอประมาณ แล้วหมักให้เข้ากัน
  6. เสร็จแล้วนำไปย่าง เราก็จะได้ปลาหมึกย่างสีเหลือง หอม อร่อย
ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/

แจกฟรี ! สูตรการทำขนมโตเกียว ทำขายสร้างเงินหมื่น

มาพบกับสูตรการทำขนมโตเกียว ขนมโปรดของใครหลาย ๆ คน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า จะดีหรือไม่หากเราสามารถทำทานเองได้ที่บ้าน และสามารถทำขายสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย บทความนี้จึงจะมาแบ่งปันสูตรการทำขนมโตเกียวง่าย ๆ ที่เพื่อน ๆ สามารถทำกันได้ที่บ้าน ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง

แจกฟรี ! สูตรการทำขนมโตเกียว ทำขายสร้างเงินหมื่น

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่าหรือน้ำปูนใส 40ml
  • น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เครื่องปรุงสำหรับทำไส้
  • รากผักชี
  • กระเทียม
  • ไส้กรอกหมู
  • ไส้หมูผัดให้สุก
  • หมูสับ
  • ซอสหอยนางรม
วิธีการทำขนมโตเกียว
1. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม ลงไปในหม้อ และตามด้วยเบกกิ้งโซดาประมาณครึ่งช้อน


2. ใส่ผงฟูประมาณครึ่งช้อน ตามด้วยน้ำตาลทราย 1 ช้อน


3. ตอกไข่ไก่ลงไป 1 ฟอง ตามด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำปูนใส 40 ml

4. ใส่น้ำผึ้งลงไป 1 – 2 ช้อน จากนั้นตีให้เข้ากัน



ขั้นตอนการทำไส้หมูผัด

1. ใส่รากผักชี กระเทียมโขลกละเอียดลงไปผัดในกระทะ ตามด้วยหมูสับ จากนั้นปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม



2. นำไส้กรอกหมู ลงไปผัดให้พอร้อน ๆ


3. ตั้งกระทะโดยใช้ไฟอ่อน ๆ ตักแป้งมาหยอดลงกระทะประมาณครึ่งทัพพี ละเลงเป็นรูปวงรี

4. นำแป้งส่วนนึงใส่ถุงพลาสติกใส ใช้กรรไกรตัดปลายนิดนึง สำหรับบีบเป็นเส้น ๆ พอแป้งเริ่มมีฟองอากาศหยาบ ๆ แสดงว่าแป้งเริ่มสุกแล้ว


4. ใส่หมูสับ และฮอทด็อกที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นม้วนจากฮอทด็อกขึ้นไปหาหมูสับ






ก็เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับการทำขนมโตเกียว แป้งกรอบ ๆ ที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ และยังทำขายเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย

ที่มา : http://kingsmes.blogspot.com/